นักแสดงสาวปาร์คซูจิน (28 ปี) ยืนยันว่าเธอได้เลิกรากับอดีตแฟนหนุ่มนักฟุตบอลเบคจีฮุน (28 ปี) ก่อนที่เธอและรอยคิมจะนัดพบทำความรู้จักกัน

ต้นสังกัดของปาร์คซูจินกล่าวว่า “ปาร์คซูจินเริ่มห่างไกลจากเบคจีฮุนช่วงปลายปี 2011 เมื่อเขาเข้าเกณฑ์ทหาร แต่ทั้งคู่ยังคงเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน แม้ว่าทั้งคู่จะพยายามปรับความเข้าใจกันแต่ดูเหมือนว่าจะไม่สำเร็จ เขาและเธอเลิกรากันไปในต้นปีนี้ ทั้งคู่ยังคงเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน”

จากนั้นกล่าวต่อ “มีเพียงเพื่อนสนิทของปาร์คซูจินและเบคจีฮุนเท่านั้นที่รู้ว่าทั้งคู่เลิกกันแล้ว เพราะข่าวการเลิกราไม่ใช่ข่าวดีทำให้ทั้งคู่ไม่ต้องการเปิดเผยต่อสาธารณะ”

ต่อมาต้นสังกัดได้พูดถึงข่าวของปาร์คซูจินกับนักร้องรุ่นน้องรอยคิมว่า “จากข่าวลือการออกเดทของปาร์คซูจิน-รอยคิม มีคนมากมายที่กล่าวว่าปาร์คซูจินนอกใจเบคจีฮุนไปกับรอยคิม ซึ่งความจริงไม่ได้เป็นแบบนั้น…”

จากนั้นกล่าวต่อ “ปาร์คซูจินได้พบกับรอยคิมแค่ไม่กี่ครั้งเท่านั้น แม้ว่าทั้งคู่จะสนใจกันและกัน แต่พวกเขาไม่ได้ตกลงเป็นแฟนกัน…สำหรับคนที่สนใจ ปาร์คซูจินจะทำงานของเธอให้ดีที่สุดในการกลับมา”

แปลจาก allkpop โดย https://kpop.youzab.com หากนำข่าวออกไปกรุณาให้เครดิตด้วย (ไม่อนุญาตให้ hotlink ไฟล์ภาพ)

จากข่าวลือที่ว่าอีจางอูและโอยอนซอนั้นเลิกกันแพร่กระจายไปทั่วอินเตอร์เน็ต ทำให้ชาวเน็ตเกิดความสับสนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะเมื่อตัวแทนของโอยอนซอออกมายอมรับและปฏิเสธเกี่ยวกับข่าวลือ

จากรายงานล่าสุดเกี่ยวกับการเลิกกันของทั้งสอง ตัวแทนจากสังกัดของโอยอนซอได้ออกมาแสดงความเห็นว่า “เรารู้ว่าทั้งสองมีความรู้สึกดีๆให้กัน” ตัวแทนกล่าวต่อ “แต่ทั้งคู่ได้หยุดความสัมพันธ์ของพวกเขาทันทีหลังจากที่มีข่าวลือ ดังนั้นตอนนี้ทั้งคู่เป็นแค่เพื่อนร่วมงานกันเท่านั้น”

ต้นสังกัดได้อธิบายและยอมรับความทั้งสองรู้สึกดีๆต่อกัน แต่พวกเขาไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าแค่รุ่นพี่กับรุ่นน้อง ขณะนี้ทั้งสองตัดสินใจว่าจะจบความรู้สึกของตนหลังจากที่มีข่าวว่าคบกัน

แปลจาก allkpop + enews โดย https://kpop.youzab.com หากต้องการนำข่าวออกไปกรุณาให้เครดิตทั้งหมดด้วย

เกาหลีเหนือขู่ว่าจะล้มเลิกสัญญาสงบศึกที่ลงนามกันไว้ตั้งแต่ปี 2496 เพื่อยุติสงครามเกาหลีนั้น สาเหตุก็เพราะความตึงเครียดอันเนื่องจากการร่วมซ้อมรบระหว่างเกาหลีใต้กับสหรัฐ รวมทั้งการเคลื่อนไหวของสหรัฐที่พยายามผลักดันให้สหประชาชาติคว่ำบาตรเกาหลีเหนือ

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 5 มี.ค.ว่า กองบัญชาการทหารสูงสุดของเกาหลีเหนือ ออกแถลงการณ์ผ่านสื่อของรัฐว่า เกาหลีเหนือจะใช้มาตรการตอบโต้อย่างรุนแรงยิ่งขึ้น หลังทราบว่า สหรัฐและจีน ซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญของเกาหลีเหนือ ได้อนุมัติในร่างของมาตรการคว่ำบาตร เพื่อเป็นการลงโทษ โดยมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ อันเนื่องจากเกาหลีเหนือได้ทดลองระเบิดนิวเคลียร์เมื่อวันที่ 12 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งร่างมติดังกล่าวกำลังอยู่ในระหว่างการหารือในที่ประชุมที่องค์การสหประชาชาติในสัปดาห์นี้

ทั้งนี้ สหรัฐและชาติพันธมิตรอื่นๆต่างพากันวิตกว่า การทดลองระเบิดนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือจะผลักดันไปสู่เป้าหมายของการมีขีปนาวุธติดหัวรบนิวเคลียร์ไว้ในครอบครองให้ได้ ซึ่งขีปนาวุธดังกล่าวสามารถยิงถึงสหรัฐอเมริกาได้ นอกจากนั้น สหรัฐกับชาติพันธมิตรยังได้ประณาม การทดลองยิงขีปนาวุธและระเบิดนิวเคลียร์ว่า เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงในระดับภูมิภาค

ฝ่ายเกาหลีเหนือโต้ว่า โครงการนิวเคลียร์มีขึ้นก็เพื่อตอบโต้ภัยคุกคามของสหรัฐ ซึ่งต้องย้อนเวลากลับไปช่วงสงครามเกาหลีระหว่างปี 2493-2496 และยุติลงได้ด้วยสัญญาสงบศึก แต่ไม่ได้เป็นสนธิสัญญาสันติภาพ ส่งผลให้คาบสมุทรเกาหลีเหนือ ยังคงอยู่ในภาวะสงคราม ในทางเทคนิค

เกาหลีเหนือได้ขู่ว่าจะล้มเลิกสัญญาสงบศึก ในวันที่ 11 มี.ค.ที่จะถึงนี้ โดยอ้างเหตุผลว่า สถานการณ์ตึงเครียดอันเนื่องจากการร่วมซ้อมรบระหว่างเกาหลีใต้กับสหรัฐ ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.ที่ผ่านมา นอกจากนั้น เกาหลีเหนือยังขู่ว่าจะปิดสายด่วนโทรศัพท์ที่หมู่บ้านปันมุนจอม เขตปลอดทหาร ที่แบ่งเกาหลีออกเป็นสองประเทศ

และสำนักข่าวเอเอฟพี รายงานเมื่อวันที่ 7 มีนาคมว่า เกาหลีเหนือขู่ชิงใช้อาวุธนิวเคลียร์โจมตีสหรัฐ หรือผู้รุกรานอื่น ๆ ก่อน เมื่อวันพฤหัสบดี ขณะที่ คณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติ เตรียมลงมติรับรองมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่ต่อเกาหลีเหนือ โฆษกกระทรวงต่างประเทศเกาหลีเหนือคนหนึ่งเตือนด้วยว่า สงครามเกาหลีรอบ 2 “ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้” กับทั้งสหรัฐและเกาหลีใต้ ซึ่งปฏิเสธข้อเรียกร้องของเปียงยางที่ให้ยกเลิกการซ้อมรบร่วมขนานใหญ่ในสัปดาห์หน้า

ด้านสำนักข่าวกลางเกาหลี หรือเคซีเอ็นเอ รายงานอ้างแถลงการณ์ของโฆษกคนดังกล่าว ที่ระบุว่า ขณะนี้ สหรัฐเริ่มจุดกระแสสงครามนิวเคลียร์ กองทัพเกาหลีเหนือจะซ้อมรบเพื่อเตรียมความพร้อมในการโจมตีด้วยนิวเคลียร์ก่อน เพื่อทำลายฐานที่มั่นของผู้รุกราน

ขออย่าให้เกิดปัญหาความรุนแรงกันเลย

ขอบคุณที่มาข่าวจาก : เดลินิวส์