นาย K ได้โต้แย้งในเวลานั้นว่า “ค่าผ่าตัดเกือบ 5 ล้านวอนเพราะคิมแซรนไม่มีประกัน เธอเองก็เคยพูดว่าค่ารักษาประมาณ 5 ล้านวอน และนอกจากการจ่ายด่วนที่โรงพยาบาลก็ไม่มีอะไรน่าสงสัย”
อดีตพนักงานของต้นสังกัดเดิมของคิมแซรนยังออกมาปกป้องนาย K โดยกล่าวว่า “แม้นาย K จะลาออกในเดือนธันวาคมปีก่อน แต่เขาดูแลคิมแซรนอย่างดี ข้อกล่าวหาเรื่องยักยอกหรือบังคับให้เธอดื่มไม่มีมูลความจริง เขายังคอยดูแลเรื่องอาหารการกินของเธอ และค่ารักษาพยาบาล 5 ล้านวอนก็ไม่มีปัญหา”
ตัวแทนจากโรงพยาบาลให้สัมภาษณ์กับ SBS Entertainment News ว่า “เราได้ตรวจสอบประเด็นที่ควอนยองชานกล่าวถึงแล้ว แต่ข้อมูลเวชระเบียนและการเรียกเก็บเงินซ้ำไม่มีมูลความจริง แม้ข้อกล่าวหายังไม่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการ แต่เราจะดำเนินการที่เหมาะสมเมื่อมีการยืนยันแล้ว”
ขณะเดียวกัน หลังจากถูกกล่าวหา นาย K ได้ยื่นฟ้องควอนยองชานเมื่อวันที่ 19 มิ.ย. ในข้อหาหมิ่นประมาทและดูหมิ่นตามกฎหมายเครือข่ายสารสนเทศและการสื่อสาร ซึ่งคดียังอยู่ระหว่างการสอบสวน
ควอนยองชานภายหลังอธิบายว่า “สิ่งที่ยกขึ้นมาเป็นเพียงคำถามที่มุ่งไปยังนาย K อดีตผู้จัดการของคิมแซรอน ระหว่างการออกอากาศเท่านั้น”
คีย์ (Key) สมาชิกวง SHINee คว้าความสำเร็จอีกครั้งกับการคัมแบ็คอัลบั้มที่ 3 ‘HUNTER’ โดยเพลงไตเติลชื่อเดียวกัน ‘HUNTER’ ทำให้เขากวาดชัยชนะบนรายการเพลงถึง 2 ถ้วยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ Show Champion และ Music Bank
ที่น่าประทับใจคือ คีย์ไม่ได้อยู่ในรายการ Music Bank ตอนประกาศผล เนื่องจากติดถ่ายทำรายการ Amazing Saturday แต่ในระหว่างพัก เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเช็ค และพบข่าวว่าเขาคว้าอันดับ 1 ได้สำเร็จ ซึ่งนับเป็นชัยชนะครั้งแรกของเขาบน Music Bank และเป็นชัยชนะครั้งที่ 4 ในฐานะศิลปินเดี่ยว
อย่างไรก็ตาม Big Hit Music ต้นสังกัด HYBE ได้อายัดบัญชีทันที ป้องกันการสูญเสียเพิ่มเติม และทีมกฎหมายของจองกุกได้ฟ้องเรียกคืนหุ้น ต่อมาศาลแขวงโซลตะวันตกมีคำสั่งให้คืนหุ้นแก่เจ้าของเดิม เนื่องจากไม่มีการโอนกรรมสิทธิ์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย
ตำรวจนครบาลโซลร่วมกับ อินเตอร์โพล ติดตามเส้นทางของ A และทราบว่าเขาเดินทางเข้าไทยในเดือนเมษายน จึงร้องขอให้ทางการไทยจับกุมตัวเพื่อส่งผู้ร้ายข้ามแดน ซึ่งทางการไทยสามารถจับกุมภายในสองสัปดาห์และส่งตัวกลับเกาหลีใต้
ตำรวจเกาหลีมีแผนสอบสวน A พร้อมตรวจสอบหลักฐานที่ยึดได้ และยื่นขอหมายจับอย่างเป็นทางการ ขณะที่เจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรมเกาหลีระบุว่า รัฐบาลจะเดินหน้าปราบปรามและลงโทษองค์กรแฮ็กเกอร์, แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และการฉ้อโกงออนไลน์ข้ามชาติต่อไปอย่างเข้มงวด