คิมยองมิน CEO ของ SM Entertainment พูดถึงอดีตสมาชิกวง EXO อย่างคริส, ลู่หาน และเทา
คิมยองมินได้พูดถึงหัวข้อ ‘ทิศทางของตลาดเพลงเกาหลี’ และในเรื่องนี้ คิมยองมินกล่าวว่าเกาหลีและจีนจะต้องร่วมมือกันเพื่อที่จะสร้างตลาดเพลงให้เป็นระบบมากขึ้นและก้าวหน้ามากขึ้นในตลาดเอเชีย
เขาอธิบายว่า “ผมเชื่อว่าแรงผลักดันอย่างต่อเนื่องของฮันรยูมาจากระบบของต้นสังกัด มันไม่ใช่ตัวต้นสังกัดที่ส่งผลกระทบต่อฮันรยู แต่ผมคิดว่ามันเป็นบทบาทสำคัญ ต้นสังกัดของเราแตกต่างจากประเทศอื่นๆ เกาหลีมีความสามารถในการจัดการต้นสังกัดต่างประเทศดูแลทุกด้านทั้ง แคสติ้ง, การฝึก และการผลิตเพื่อการตลาด”
เขากล่าวต่อ “ในความก้าวหน้านี้ SM กังวลเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของคน Super Junior, EXO และ f(x) ทั้งหมดต่างมีสมาชิกที่เป็นคนจีน ในปีนี้คอนเสิร์ต EXO จะจัดขึ้นที่ญี่ปุ่นและคาดว่าจะมีคนมาชมราวๆ 52,000 คน แต่อย่างไรก็ตาม สมาชิกจีนบางคน (คริส, ลู่หาน และเทา) จะไม่ได้ขึ้นคอนเสิร์ตที่ญี่ปุ่นเนื่องจากคดีฟ้องร้องกับ SM สิ่งที่ผมกล่าวไม่ใช่แค่เรื่องราวระหว่าง SM และ EXO หรือเรื่องราวระหว่างต้นสังกัดกับศิลปิน ผมแค่อยากจะบอกว่ามันขึ้นอยู่กับกฎระเบียนการจัดการ สเกลและพื้นที่ที่มีผลกระทบต่อการร่วมงานกันอาจเปลี่ยนแปลงได้”
จากนั้นคิมยองมินได้กล่าวถึงอดีตสมาชิกของวง EXO (แม้ว่าเขาไม่ได้เอ่ยชื่อเฉพาะเจาะจง) เขากล่าวว่า “การใช้จุดอ่อนในระบบกฎหมายของเกาหลีและจีน พวกเขาสามารถหารายได้ส่วนตัวในระยาเวลาสั้นๆ พวกเขาเพียงแค่ทำตาม ‘ตัวเอง’ โดยไม่สื่อสารกับแฟนๆผู้ที่อยู่กับพวกเขามาตั้งแต่ต้น ทุกคนสามารถมองได้ว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของพวกเขา แต่อย่างไรก็ตามการหารายได้ส่วนตัว พวกเขาจะไม่ได้เข้าร่วมคอนเสิร์ตที่คาดว่าจะมีผู้เข้าชมมากกว่า 5 หมื่นคนเป็นส่วนที่วงได้ร่วมกับเกาหลีและจีนในตลาดเอเชีย และในฐานะศิลปินที่เกิดในจีน ผมสงสัยว่าพวกเขามีเกียรติกันบ้างมั้ย ผมคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ต้องพิจารณา”
เขาสรุปในตอนท้ายว่า “มันไม่ใช่เวลาที่จะมาเถียงกันเรื่องความแตกต่างระหว่างตลาดเกาหลีและตลาดจีน แต่มันเป็นเวลาที่ควรจะหารือกันระหว่างผู้นำเกาหลีและจีนเพื่อขยายและนำไปสู่ความก้าวหน้าของตลาดเอเชีย พวกเราต้องคิดเกี่ยวกับระบบการจัดการและวางแผนเกี่ยวกับทางเลือกการดำเนินการ อาจจะมีการลองผิดลองถูก แต่เราต้องสร้างกลไกที่มีประสิทธิภาพเพื่อให้การตลาดเอเชียเข้าสู่ตลาดใหญ่”
แปลจาก allkpop โดย Youzab หากนำข่าวออกไปกรุณาให้เครดิตด้วย (ไม่อนุญาตให้ hotlink ไฟล์ภาพ)
เดี๋ยวๆๆๆ ใช้คำว่า ‘ทำเพื่อตัวเอง’ คือจะสื่อว่าพวกโอป้าที่ออกไป ‘เห็นแก่ตัว ‘ มันไม่เกินไปหรอคะ? คุณคิม ยองมิน
ไม่ทราบว่าคุณเอาสองส่วนไหนคิดคะ?
ยังสติดีอยู่หรือเปล่า?
ใครกันแน่ที่เห็นแก่ตัว?
คิดถึงแต่ผลประโยชน์?
ไม่สนใจสุขภาพของศิลปินในค่าย?
ใช้สัญญาที่ไม่เป็นธรรม?
ก็ใช้สมองอันน้อยนิดของคุณคิดดูแล้วกันนะคะ คุณคิม ยองมิน!!!!
ก้อปป้าคุณเห้นแก่ตัวจริงไหมล่ะ???
อยากได้เงินคนเดียวแต่ไม่ทำงานวง ไม่แบ่งเงินเพื่อนร่วมวง
ก็สมควรโดนด่าว่าเห็นแก่ตัวทั้งสามคนนั่นแหละ
ใช้ชื่อเสียงต้นสังกัดกับชื่อวงไปหากิน ไม่ปลื้ม!!!!
ก็ทำเพื่อตัวเองจริงๆนั่นแหละออกจากวงรับงานคนเดียวๆรัวเงินก็ไม่แบ่งเพื่อนด้วยยย
ใครกันแน่ ที่่เห็นแก่ตัว พูดดีๆนะ SM
เท่าที่อ่านดู ในสมองคงคิดแค่2คำ คือ ธุรกิจ กับ กำไร สลับกันไปมาสินะ
เข้าข้าง sm นะ เพราะ ไมตัวเองทนไม่ได้แต่เพื่อนทนได้ อีกอย่างถ้าไม่พอใจในสัญญาแล้วจะเซ็นทำไมตั้งแต่ทีแรก พอดังหน่อยทำเป็นไม่พอใจสัญญา สงสารเพื่อนๆในวง อุส่าห์อดทนมาด้วยกัน แต่สุดท้ายมาทิ้งกันกลางทาง เพียงแค่ตัวเองไม่ได้รับสิ่งที่ตัวเองต้องการ
เห็นด้วย
ทุกอย่างที่คุณคิมยองมินกล่าวมาทั้งหมด ว่าโดยส่วนใหญ่เป็นเรื่องของผลประโยชน์ และกลไกการพัฒนาที่ถูกยกขึ้นมาเฉยๆไม่ได้ช่วยอะไรเลย การที่อดีตศิลปินใช้จุดอ่อนทางด้านกฎหมายเข้ามาในการฟ้องร้องก็ไม่ได้เสียหายอะไรนี่ถ้าเค้าคิดและตัดสินใจ เพราะกฎหมายย่อมให้เสรีภาพแก่สองฝ่ายอย่างเท่าเทียมกันอยู่แล้ว #ผิดถูกยังไงก็ขอโทษด้วยนะครับ
เกลียด CEO คนนี้จัง!!!!
ทำไมไม่ย้อนกลับมาดูวิธีการทำงานของตัวเองบ้าง
ถ้าคุณดีจริง ทำเพื่อศลปจริง เค้าจะลาออกทำไม
ค่าย SM อ่ะดีหมดทุอย่าง ยกเว้นก็แต่มี CEO แบบนี้!!!
มันก็มีส่วนถูก ก็เห็นแต่ประโยชน์ฝ่ายตัวเองทั้งสองฝั่ง แฟนๆนี่สิทั้งเสียเงิน ทั้งเสียความรู้สึก ตราบใดที่ยังเสียเงินให้เค้า อย่างอื่นเค้าก็ไม่ได้มาสนหรอกทั้งศิลปินและบริษัท
เราว่านะ ถ้าศิลปินรู้ว่าเข้ามาแล้วจะเป็นแบบไหน ก็ควรที่จะตัดสินใจก่อนเข้ามานะ เพราะตัวอย่างรุ่นพี่ๆก็มีให้ดูหลายกรณี บริษัทเค้าไม่ได้ผิดหรอกที่ จะหวังผลกำไร เพราะกว่าจะมาถึงจุดๆนี้เค้าลงทุนไปเท่าไหร่ ในสัญญาน่าจะระบุไว้ชัดเจนแล้วนะ เพราะฉะนั้นเข้าใจบริษัท ไม่ได้โลกสวยเเค่มองตามความเป็นจริง
ตอนนี้รู้ยังว่าใครผิดใครถูก
ถ้าทั้งสามคนถูกจริงคงไม่ได้อยู่ในค่ายหรอก แต่ตอนนี้ยังอยู่กันครบ!!