สำนักข่าว Sports World ได้รายงานข่าวพิเศษเกี่ยวกับความน่าสงสัยในตัวไทเลอร์ ควอนที่กล่าวว่าเป็นหุ้นส่วนธุรกิจของเจสสิก้า ซึ่งมีข่าวลือว่าเป็นแฟนหนุ่มและคู่หมั้นของเธอ
โดยสำนักข่าวเริ่มจากตั้งคำถามว่าเจสสิก้าจะสามารถประสบความสำเร็จในธุรกิจแฟชั่นของเธอได้หรือไม่ จากนั้นได้เปิดเผยว่าทั้งคู่ได้ดูแลแผนธุรกิจของ BLANC ซึ่งดูเหมือนว่ายังคงบกพร่องหลายอย่าง นอกจากที่แบรนด์เน้นบทบาทของเจสสิก้า SNSD ที่มีศักยภาพทางการออกแบบเป็นจุดขายแล้ว แต่กลับไม่มีแผนธุรกิจที่พิเศษใดๆ นอกจากนี้ Sport World ยังเผยว่าได้พบกับชายที่มีโอกาสลงทุนในแบรนด์ BLANC จากการชักจูงของไทเลอร์ ควอน
ชายผู้นั้นกล่าวว่า “ตอนที่ผมได้รับข้อเสนอให้ลงทุนในธุรกิจ นอกจากความจริงที่ว่านี่เป็นธุรกิจของเจสสิก้า SNSD แล้วก็ไม่มีอะไรอย่างอื่นที่มีคุณค่าเลย ดังนั้นผมจึงตัดสินใจไม่รับข้อเสนอในการลงทุนนี้”
สำนักข่าวยังกล่าวอีกว่ามีแหล่งข่าวอื่นที่ชี้ว่าพวกเขาสงสัยในตัวไทเลอร์ ควอน โดยผู้ที่เคยไปสังสรรค์กับเขาเผยว่าแม้ไทเลอร์ ควอนจะเป็น CEO ของ Coridel Group เขาทำราวกับว่าตัวเองเป็นผู้สืบทอดรุ่นที่สามของ Chaebol (กลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ที่ทรงอิทธิพลทางการค้าและการลงทุนในประเทศเกาหลีใต้) แต่มันยากที่จะมองเขาเป็นผู้ชายที่ร่ำรวยเนื่องจากบ่อยครั้งที่เขาขอยืมเงินเพื่อนๆราว 50-100 ล้านวอน
นอกจากนี้ Sports World ยังได้ชี้ประเด็นว่าไทเลอร์ ควอนนั้นในฮ่องกงมีชื่อเสียงเป็นที่รู้กันดีว่าชอบสร้างข่าวฉาว เนื่องจากความสัมพันธ์ในอดีตกับดาราสาวจิลเลี่ยน ชุง ซึ่งมีการกล่าวว่าเขาเข้าหาจิลเลี่ยน ชุงเพื่อที่จะได้เบิกทางเข้าสู่โลกธุรกิจในฮ่องกง ซึ่งความสัมพันธ์ของทั้งคู่เป็นที่รู้กันดีในหมู่สาธารณชน และคิดว่าทั้งคู่กำลังจะลงเอยด้วยการแต่งงานกัน แต่แล้วก็เลิกกันไปในที่สุด จากนั้นเขาจึงเข้าหาเจสสิก้าต่อไป
นอกจากนี้ยังกล่าวว่าเจสสิก้าได้เจอกับไทเลอร์ ควอนเหมือนฉากหนึ่งในหนังก็ว่าได้ ซึ่งกล่าวว่าขณะที่เจสสิก้าช้อปปิ้งในฮ่องกง แต่แล้วเธอต้องกลืนไม่เข้าคายไม่ออกกับการซื้อของเกินวงเงินบัตรเครดิต จากนั้นไทเลอร์ ควอนจึงเข้ามาช่วยจ่ายให้เธอ โดย Sports World เผยว่าเธอประทับใจเขามากจากเรื่องนี้
อย่างไรก็ตามไทเลอร์ ควอนนั้นไม่ได้ห่วงภาพลักษณ์ของเจสสิก้าเท่าไหร่นักทั้งการเปิดเผยใน SNS ว่าสนิทกับเธอโดยการลงรูปต่างๆทั้งที่ความสัมพันธ์นั้นควรเก็บเป็นความลับก็ตาม แหล่งข่าวแสดงความเห็นว่า “ปกติแล้วนักลงทุนจะไม่ชอบเรียกร้องความสนใจจากประชาชน แต่เขากลับพยายามสร้างการตลาดให้ตัวเองอย่างรุนแรง เขาทำกระทั่งออกไปสังสรรค์ในสถานที่ที่เขารู้ว่านักข่าวมากมายอยู่ที่นั่น” เป็นการบอกใบ้ว่าเหตุใดปาปารัสซี่ฮ่องกงจึงจับภาพเขากับเจสสิก้าได้เป็นบางครั้ง
จากนั้น Sports World ได้ตั้งคำถามว่าทั้งไทเลอร์ ควอนและเจสสิก้าจะสามารถทำให้แบรนด์ BLANC ประสบความสำเร็จได้หรือไม่ และจะจบลงด้วยการแต่งงานกันอย่างมีความสุขไหม ก่อนที่จะสรุปว่า “คนที่น่าเป็นห่วงที่สุดตอนนี้คือเจสสิก้า เจสสิก้าโซนยอชิแดที่เรารัก สถานะในปัจจุบันของเธอน่ากลัวเป็นอย่างมาก”
ข่าวนี้เป็นข่าวที่ยิ่งแปลยิ่งเครียดขึ้นจริงๆ แล้วเหตุการณ์เป็นอย่างไร Youzab จะรายงานให้ทราบต่อไป
แปลจาก allkpop โดย Youzab หากนำข่าวออกไปกรุณาให้เครดิตด้วย (ไม่อนุญาตให้ hotlink ไฟล์ภาพ)
พวกเราจะซับพอร์ตสาวๆตลอดไป #StaystrongSNSD #StaystrongSONE
ตอนนี้เข้าใจแบบแจ่มแจ้งเลย
ทลค.เข้าหาเจสเพื่อผลประโยชน์ใช้ชื่อของsnsdเพื่อผลประโยชน์ ใช้ชื่อวงโดยที่ค่ายไม่มีส่วนได้ส่วนเสียSMจะยอมหรอ นำชื่อSNSDไปหาผลกำไรแบบอ้อมๆแบบนี้ ถ้าเจสถูกกระทำอย่างไม่เป็นธรรมอีก8คนที่เหลือ ต้องมีคนมายืนข้างเจสชัวร์ อยู่กันมาสิบๆปีต้องรักและผูกพันธ์กันมาก นี่ไม่มีใครอะไรเลย แสดงว่าทุกคนต่างเห็นด้วยและยอมรับการตัดสินใจของSM
สงสารเจสนะเหมือนเป็นแค่หมากตัวนึง งานนี้เราว่าSMไม่ผิดนะ แม้แต่ตัวทลค.เองคงช็อคที่SMกล้าขนาดนี้ ถ้าไม่มีอะไรจริงๆSMไม่ยอมให้หุ้นดิ่งแบบนี้หรอก เห้อออออ เพลีย
เพื่อนๆในวงคงช่วยกันเต็มที่แล้วค่ะ
แต่ว่าทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับเจสสิก้าทั้งหมด
เพื่อนๆในวงคงช่วยกันเต็มที่แล้วค่ะ
แต่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเจสสิก้าทั้งหมด
เพื่อนทั้ง8 พร้อมยืนข้างสิก้า แต่ตอนนี้ ที่สิก้ายืนยุ มันมีแฟนเค้านี่สิ เพื่อนๆ จะทำอะไรได้ T T
เจสของช้านนนนนนน
เลือกด้วยตัวเองก็คงต้องยอมรับผลที่จะตามมานะ…..
สิก้าาาา ฮรือออ กลับมาาาา
เสียเพราะผู้ชาย
ความรักทำให้คนตาบอด คำหวานทำให้คนลุ่มหลง ก้อได้แต่หวังว่านี่จะเป็นรักแท้ของเธอ
พี่แทไม่ได้บีบเจสออกจากวงน้า โปรดเข้าใจ
เอาตรงๆนะ BLANC. ไม่ได้ใช้ชื่อ Jessica SNSD. เราว่าก็ไม่ค่อยมีคนซื้อหรอก คือคนที่เขามีฐานะประมาณหนึ่ง ถ้าจะซื้อของเเบรนด์เขาคงต้องเลือกซื้อที่มันชั้นนำเเนวหน้ามากกว่า.อีกอย่างการออกแบบก็ไม่ได้มีความโด่ดเด่นมากนัก.ถึงบริษัทจะเติบโตได้รวดเร็ว.เเต่มันส่งผลระยะยาวนะว่าจะอยู่รอดรึป่าว ไม่ใช่มีเงินเเล้วจะลงทุนได้เลย มันต้องมีหัวทางการตลาดด้วย ซึ่งเราคิดว่า เจสมีสิทธิโดนหลอก เเละเราคิดว่าทุกคนกำลังคิดที่จะช่วยเจส ทางอ้อม เพราะเอาง่ายๆก็เหมือนคนติดเเฟนอ่ะที่เห็นแฟนตัวเองเป็นเจ้าชาย เเต่ถ้าคนอื่นมองก็มอนเตอร์นี่เอง
สมมุดว่าเข้าหาเจสสิก้าเพื่อผลประโยชน์ จริงๆ อันนี้แค่สมมุดนะ!
เจสสิก้าก็น่าส่งสารมากเลย เพราะดูเจสสิก้าจะรักจริง แล้วเพื่อความรักตอนนี้ก็สูญเสียหลายอย่าง ทั้งการงานเพื่อน อนาคตข้างหน้าก็ไม่รู้จะยังไงต่อ
“เราขอให้ผู้ชายรักจริง หวังแต่งเถอะนะ อย่าให้เป็นอย่างที่ข่าวเขียนเลย เราสงสาร เจสก้าน่ะ”
บอกเลยว่าถ้าผู้ชายคนนี้มาดีจริง ๆ เราก็พร้อมจะยินดีและสนับสนุนเจสสิก้าต่อไป
แต่ถ้าผู้ชายคนนี้มาร้าย(คนส่วนใหญ่คิดแบบนี้ รวมทั้งเราด้วย) เราสงสารเจสสิก้ามาก
ถ้าสมมติเหตุการณ์ที่สาวๆ SNSD ร้องไห้ในแฟนมีตติ้งที่จีนไม่ใช่เรื่องสร้างภาพอย่างที่หลายๆคนเข้าใจ คิดดูสิว่าตอนนี้เจสสิก้าเหมือนกับแขวนตัวเองไว้บนเส้นด้ายชัดๆ บอกตรง ๆ ตั้งแต่ข่าวออกมานี่เป็นเหตุการณ์เดียวที่เราคิดว่า SM ไม่ผิด ถึงแม้ว่ามันจะเป็นการกระทำที่ ขัดใจแฟนคลับอย่างเรา คิดดูแล้วกันต่อให้ศิลปินแย่แค่ไหน ถ้าทำประโยชน์ได้มหาศาล SMไม่มีทางปล่อยหรอก เรื่องปิดข่าวแก้ปัญหาโน้นนี่นั่น SM ถนัดนักแล นี่คงเป็นปัญหาที่เกินเยียวยาแล้วจริง ๆ ถึงเป็นแบบนี้ แต่….ทุกวันนี้เรายังงี่เง่าสร้างความหวังว่าอีกไม่ถึง 1 เดือนหน้า จะมีข่าวการกลับมาของเจสสิก้าในฐานะสมาชิก SNSD อีกครั้ง
คิดเหมือนกันเลย เราคิดว่าที่เอสเอ็มไม่เอาสิก้าออกจากค่ายอาจจะเป็นเพราะถ้าปัญหาต่างๆ คลี่คลายได้เอสเอ็มอาจดึงตัวเจสกลับเค้าวง เราคิดแบบนั้นถึงมันจะเข้าค้างตัวเองก็ตามเถอะ
ถ้าเจสยอมถอยเรื่องธุรกิจแล้วออกมาขอโทษสมาชิกกับแฟนคลับ เอสเอ็มก็คงยอมให้กลับมา เพราะนั่นน่าจะเป็นทางเดียวที่จะกอบกู้ภาพลักษณ์ให้กลับมาได้ แต่ถ้าเจสไม่ยอมถอยถึงจะยังอยู่เอสเอ็ม ก็คงโดนดองไม่มีผลงานออกมาอีก(เรื่องอะไรจะให้มีผลงานเพื่อไปต่อยอด ให้คนนอกได้ผลประโยชน์) สุดท้ายเจสก็คงต้องฟ้องฉีกสัญญา(ไม่แน่ ตอนนี้อาจปรึกษากับทนายอยู่)ซึ่งภาพลักษณ์ของsnsdคงแย่ลงไปอีก ป.ล.ส่วนตัวหวังว่าจะมีการเจรจากันอีกและกลับมารวมกันอีกครั้ง