แจมิน NCT เปิดใจเรื่องดรอปเรียนเพื่อตามฝันทำให้เขาไม่ค่อยมีเพื่อน

แจมินสมาชิก NCT ได้เปิดใจเกี่ยวกับการต้องดรอปเรียนเพื่อตามฝันในการเป็นนักร้องของเขาส่งผลทำให้ตอนนี้เขาไม่ค่อยมีเพื่อน

วันที่ 17 มกราคม 2019 มีการออกอากาศรายการ My English Puberty ของสถานี tvN ซึ่งฮัมฮยอนมินได้สัมภาษณ์แจมินว่าปรับสมดุลการเรียนและการทำงานอย่างไร

แจมินกล่าวว่า “ผมออกจากโรงเรียนตั้งแต่เรียนม.1 ครับ” ฮันฮยอนมินถามว่าเขาอยากกลับไปเรียนไหม และแจมินตอบว่า “การไปโรงเรียนมันเยี่ยมไปเลยครับ มันเป็นความโชคร้ายเพราะการเข้าสังคมแบบนั้นเป็นสิ่งที่จะได้เรียนรู้แค่ในโรงเรียนเท่านั้น”

แจมินกล่าวต่อ “ผมไม่มีเพื่อนเลยครับนอกจากเพื่อนสมาชิกวง NCT”

ไอดอลหนุ่มเผยความรู้สึกของเขาต่อ “คุณจะเริ่มเล่นกับเพื่อนๆหลังโรงเรียนเลิก แต่ผมต้องตรงไปยังห้องซ้อมหลังเลิกเรียนดังนั้นผมเลยไม่ค่อยมีเพื่อนครับ ผมคิดว่ามันจริงที่เพื่อนมัธยมต้นและมัธยมปลายจะเป็นเพื่อนของคุณตลอดไป ดังนั้นเมื่อคิดว่าทำไมผมถึงไม่มีเพื่อนในตอนนี้ บอกตามตรงนะครับว่ามันเป็นความโชคร้าย”

แจมินเผยว่าสมาชิกวง NCT ต่างเข้าใจสถานการณ์นี้ดีโดยกล่าวว่า “สมาชิกทุกคนต่างรู้ดีครับ ผมคิดว่านี่เป็นครั้งแรกที่ได้เล่าเรื่องนี้ให้กับเพื่อนอายุเท่ากันอย่างฮยอนมินฟัง ผมชอบสมาชิกมากกว่าเพื่อนครับ มันเยี่ยมไปเลยเพราะผมสามารถพึ่งพาสมาชิกได้”

แปลจาก allkpop โดย Youzab หากนำออกไปกรุณาให้เครดิตด้วย (ไม่อนุญาตให้ Hotlink ไฟล์ภาพ)

ตอนนี้แฟนๆสามารถติดตามเราได้อีกช่องทางสามารถตาม Follow เราได้เลยที่นี่ ==>> IG YOUZAB

Happy Unni ร้านค้าแฟชั่น

โซจินเผยเคยทำงานพาร์ทไทม์ 14 งานเพื่อนำเงินมาตามฝันในการเป็นนักร้อง!!

นับว่าโซจิน Girl’s Day เป็นหญิงแกร่งอีกคนในวงการบันเทิงเกาหลี เธอเผยว่าเคยทำงานพาร์ทไทม์ทั้งหมด 14 งานเพื่อนำเงินมาตามฝันในการเป็นนักร้อง

วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2018 มีการออกอากาศรายการ TALKMON ซึ่งเป็นรายการที่ออกอากาศสด และวันนี้สมาชิกรายการต่างพากันทึ่งเมื่อรู้ว่าโซจินเคยทำงานพาร์ทไทม์หนักมากมาก่อน

โซจินเผยว่าเธอรับงานพาร์ทไทม์ทุกประเภทโดยไม่เกี่ยงตั้งแต่ทำงานในร้านอาหารจนถึงติวหนังสือ และ MC คังโฮดงถามว่าเธอทำงานพาร์ทไทม์ตอนที่ยังเป็นเด็กฝึกใช่หรือไม่

โซจินกล่าวว่า “กระทั่งเมื่อ 10 ปีที่แล้ว หากคุณทำงานพาร์ทไทม์หนึ่งงาน คุณจะได้เงินน้อยกว่า 500,000 วอนต่อเดือนค่ะ (ประมาณ 14517 บาท ซึ่งถือว่าน้อยเมื่อเทียบกับค่าครองชีพในเกาหลีใต้)”

จากนั้นไอดอลสาวกล่าวต่อ “ค่าเช่าห้องแต่ละเดือนจะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 400,000 ถึง 450,000 วอน และยังมีค่าโทรศัพท์มือถืออีก ดังนั้นมันเป็นเรื่องยากที่จะใช้ชีวิตหากฉันทำงานพาร์ทไทม์น้อยกว่าสองงาน เพราะฉันต้องเข้าเรียนในโรงเรียนสอนร้องเพลงด้วยค่ะ”

โซจินเล่าต่อ “เวลา 6 โมงเช้าฉันจะทำงานในที่ทำงานประเภทร้านเบเกอรี่และทำขนมปัง ในช่วงบ่ายฉันจะกลับบ้านอาบน้ำและไปฝึกซ้อมค่ะ และตอนกลางคืนเวลาสามหรือสี่ทุ่มฉันจะไปทำงานพาร์ทไทม์ที่สองที่ izakaya หรือร้านอาหารที่เปิดดึก หลังจากนั้นฉันค่อยกลับบ้านนอนค่ะ จากนั้นจึงตื่นไปทำงานพาร์ทไทม์เช้าต่อ วนซ้ำไปมาทุกวันค่ะ”

คิมฮีซอนถามว่างานพาร์ทไทม์แรกของเธอคืออะไรและโซจินตอบว่าเป็นงานแจกใบปลิวสำหรับร้านอาหารจีนตอนที่เธอเรียนอยู่ชั้นมัธยมต้น และเผยว่าเธอทำงานเพื่อซื้อเสื้อผ้าในตอนนั้น โดยการทำงานคือวิ่งเข้าไปแจกใบปลิวในอพาร์ทเม้นท์ต่างๆ นอกจากนี้ไอดอลสาวยังเผยว่าเธอเคยทำงานในโรงงานถุงเท้าอีกด้วย

แปลจาก allkpop โดย Youzab หากนำออกไปกรุณาให้เครดิตด้วย (ไม่อนุญาตให้ Hotlink ไฟล์ภาพ)

ตอนนี้แฟนๆสามารถติดตามเราได้อีกช่องทางสามารถตาม Follow เราได้เลยที่นี่ ==>> IG YOUZAB

Happy Unni ร้านค้าแฟชั่น

เผยกระบวนการค้ามนุษย์บังคับให้หญิงต่างชาติที่ตามฝันในเกาหลีให้ขายบริการทางเพศอย่างผิดกฎหมาย!!

แน่นอนว่ามีหญิงสาวชาวต่างชาติมากมายที่ใฝ่ฝันอยากทำงานในวงการบันเทิงเกาหลีและตามฝันของพวกเธอในการเป็นนักร้อง และมีผู้ที่หลอกใช้ความฝันของหญิงสาวเหล่านี้ จากหญิงสาวที่มีความฝันต้องกลายเป็นเหยื่อของการค้ามนุษย์และบังคับให้พวกเธอขายบริการทางเพศอย่างผิดกฎหมาย

ในแต่ละปีจะมีชาวต่างชาติจำนวน 4500 คนในเกาหลีใต้ที่ถือวีซ่าาของการทำงานวงการบันเทิง และใฝ่ฝันจะกลายเป็นนักร้องมืออาชีพ อย่างไรก็ตามราว 70% ของหญิงสาวต่างชาติที่ถือวีซ่านี้ กลายเป็นเหยื่อการล่วงละเมิดทางเพศ และหลายคนที่กลายเป็นหญิงขายบริการทางเพศและเหยื่อของการค้ามนุษย์รวมทั้งแรงงานทาส

กลายเป็นเรื่องฉาวโฉ่เมื่อวีซ่า E-6 สำหรับวงการบันเทิงที่อนุญาตให้ชาวต่างชาติเข้ามาทำการแสดงทั้งนักร้องและแดนเซอร์ รวมทั้งนักกีฬาที่มาเกาหลีและทำงานในคลับ, บาร์และโรงแรม

Tesse Aquino เป็นหนึ่งในคนที่ถือวีซ่าดังกล่าว นักร้องที่เป็นคุณแม่ในวัย 26 ปีตัดสินใจออกจากฟิลิปปินส์เพื่อเดินทางตามฝันของเธอในการเป็นนักร้อง เธอเข้ามาในเกาหลีใต้และอยู่ที่คลับใกล้กับฐานทัพสหรัฐอเมริกาและเริ่มทำงานในทันที เธอหวังว่าจะเป็นนักร้องที่ทำงานเต็มเวลาในคลับ แต่แทนที่จะเป็นอย่างนั้นเจ้านายใหม่ของเธอที่เธอและเพื่อนร่วมงานเรียกว่า ‘พ่อ’ ได้บังคับให้เธอแต่งตัวโป๊และสั่งให้เธอไปนั่งคุยกับลูกค้า และชักชวนให้พวกเขาใช้จ่ายให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ในการสั่งเครื่องดื่มให้มากที่สุด

Aquino และเพื่อนร่วมงานของเธอทำงานกะหนึ่งต่อเนื่องถึง 12 ชั่วโมง และต้องอดทนกับเรื่องแย่ๆตลอดเวลา พวกเธอต้องถูกลูกค้าสัมผัสลวนลามอย่างไม่เหมาะสม และเมื่อพวกเธอบ่นกับเจ้านาย พวกเขาจะบอกเพียงว่า “นั่นเป็นสิ่งที่ทุกคนทำที่นี่”

สิ่งที่แย่ไปกว่านั้นคือหากสาวๆไม่สามารถขายเครื่องดื่มได้ถึง 660,000 วอนในแต่ละสัปดาห์ พวกเธอจะต้องเผชิญกับ “ค่าธรรมเนียมบาร์” (bar fine) ซึ่งหมายความว่าพวกเธอจะถูกบังคับให้มีกิจกรรมทางเพศกับลูกค้าข้างนอกของคลับ

Aquino พูดถึงประสบการณ์เกี่ยวกับธรรมเนียมบาร์ของเธอว่า “ฉันจะเสนอตัวที่จะสัมผัสลูกค้าเพราะมันย่อมดีกว่าที่จะถูกลูกค้าเป็นฝ่ายสัมผัส”

การละเมิดต่อผู้ถือวีซ่าเหล่านี้ยังคงเกิดขึ้นแม้ว่าพวกเธอจะหนีออกจากคลับ และต่อมาเธอถูกจับ นางสาว Anna Navarro ได้รับข้อเสนอให้ทำงานอื่นจากลูกค้า และหลังจากต้องทนกับการเผชิญค่าธรรมเนียมบาร์ หญิงสาววัย 23 ปีรู้สึกหลุดเล็กน้อย ที่ทำงานปัจจุบันของเธอ หญิงสาวปฏิเสธที่จะทำตามธรรมเนียมบาร์ แต่เจ้าของขู่เธอว่าจะนำตัวไปฝังบนภูเขา ดังนั้นเธอจึงหนีจากงานบาร์ไปเป็นแรงงานทาสสมัยใหม่แทน อย่างไรก็ตามชายหนุ่มเจ้านายใหม่ของเธอแทนที่จะช่วยให้เธอรอดแต่กลับขังเธอไว้ในบ้านของเขาและทำร้ายร่างกายเธอ

หญิงสาวทั้งหมดนี้พยายามจะยื่นฟ้องดำเนินคดีต่ออดีตเจ้านายของเธอและนายหน้าที่ติดต่อให้พวกเธอเดินทางไปทำงานในเกาหลีใต้ อย่างไรก็ตามทนายคิมเผยว่าหญิงสาวเหล่านี้ไม่ได้รับความช่วยเหลือที่ต้องการเพราะกองบังคับการตรวจคนเข้าเมืองของเกาหลีมองพวกเธอเป็นเหมือนอาชญากรต่างชาติ มากกว่าจะมองว่าพวกเธอเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ที่ขายบริการทางเพศและแรงงานทาส

ทนายคิมยังกล่าวเปรียบเทียบกองบังคับการตรวจคนเข้าเมืองของเกาหลีและสหรัฐอเมริกา และชี้ให้เห็นว่าเจ้าหน้าที่ของเกาหลีไม่ได้ใช้ตัวชี้วัดของการค้ามนุษย์เลย ซึ่งแตกต่างจากอเมริกาที่จะใช้ตัวชี้วัดที่มองความเป็นไปได้ว่าบางทีพวกเธออาจเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ก็เป็นได้

ปัจจุบันมีประมาณ 93,700 คนที่ตกเป็นแรงงานทาส และเกาหลีอยู่ในอันดับ 49 จาก 167 ประเทศที่มีแรงงานทาสอย่างผิดกฎหมาย และทั้งที่เธอต้องเผชิญกับความเจ็บปวดทางกายและใจ แต่ Aquino เผยว่าเธอยังฝันจะเป็นนักร้องในเกาหลีใต้เช่นเดิม

Aquino กล่าวว่า “สิ่งที่ฉันอยากทำตอนนี้คือ ทำในสิ่งที่ฉันถูกบอกให้มาทำแต่แรกก่อนที่จะมาที่นี่ คือเป็นนักร้อง”

แปลจาก koreaboo โดย Youzab หากนำข่าวออกไปกรุณาให้เครดิตด้วย (ไม่อนุญาตให้ hotlink ไฟล์ภาพ)

Like แฟนเพจของเราเพื่อติดตามข่าวสารอัพเดทก่อนใครได้ที่นี่เลยจ้า