แน่นอนว่ามีหญิงสาวชาวต่างชาติมากมายที่ใฝ่ฝันอยากทำงานในวงการบันเทิงเกาหลีและตามฝันของพวกเธอในการเป็นนักร้อง และมีผู้ที่หลอกใช้ความฝันของหญิงสาวเหล่านี้ จากหญิงสาวที่มีความฝันต้องกลายเป็นเหยื่อของการค้ามนุษย์และบังคับให้พวกเธอขายบริการทางเพศอย่างผิดกฎหมาย
ในแต่ละปีจะมีชาวต่างชาติจำนวน 4500 คนในเกาหลีใต้ที่ถือวีซ่าาของการทำงานวงการบันเทิง และใฝ่ฝันจะกลายเป็นนักร้องมืออาชีพ อย่างไรก็ตามราว 70% ของหญิงสาวต่างชาติที่ถือวีซ่านี้ กลายเป็นเหยื่อการล่วงละเมิดทางเพศ และหลายคนที่กลายเป็นหญิงขายบริการทางเพศและเหยื่อของการค้ามนุษย์รวมทั้งแรงงานทาส
กลายเป็นเรื่องฉาวโฉ่เมื่อวีซ่า E-6 สำหรับวงการบันเทิงที่อนุญาตให้ชาวต่างชาติเข้ามาทำการแสดงทั้งนักร้องและแดนเซอร์ รวมทั้งนักกีฬาที่มาเกาหลีและทำงานในคลับ, บาร์และโรงแรม
Tesse Aquino เป็นหนึ่งในคนที่ถือวีซ่าดังกล่าว นักร้องที่เป็นคุณแม่ในวัย 26 ปีตัดสินใจออกจากฟิลิปปินส์เพื่อเดินทางตามฝันของเธอในการเป็นนักร้อง เธอเข้ามาในเกาหลีใต้และอยู่ที่คลับใกล้กับฐานทัพสหรัฐอเมริกาและเริ่มทำงานในทันที เธอหวังว่าจะเป็นนักร้องที่ทำงานเต็มเวลาในคลับ แต่แทนที่จะเป็นอย่างนั้นเจ้านายใหม่ของเธอที่เธอและเพื่อนร่วมงานเรียกว่า ‘พ่อ’ ได้บังคับให้เธอแต่งตัวโป๊และสั่งให้เธอไปนั่งคุยกับลูกค้า และชักชวนให้พวกเขาใช้จ่ายให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ในการสั่งเครื่องดื่มให้มากที่สุด
Aquino และเพื่อนร่วมงานของเธอทำงานกะหนึ่งต่อเนื่องถึง 12 ชั่วโมง และต้องอดทนกับเรื่องแย่ๆตลอดเวลา พวกเธอต้องถูกลูกค้าสัมผัสลวนลามอย่างไม่เหมาะสม และเมื่อพวกเธอบ่นกับเจ้านาย พวกเขาจะบอกเพียงว่า “นั่นเป็นสิ่งที่ทุกคนทำที่นี่”
สิ่งที่แย่ไปกว่านั้นคือหากสาวๆไม่สามารถขายเครื่องดื่มได้ถึง 660,000 วอนในแต่ละสัปดาห์ พวกเธอจะต้องเผชิญกับ “ค่าธรรมเนียมบาร์” (bar fine) ซึ่งหมายความว่าพวกเธอจะถูกบังคับให้มีกิจกรรมทางเพศกับลูกค้าข้างนอกของคลับ
Aquino พูดถึงประสบการณ์เกี่ยวกับธรรมเนียมบาร์ของเธอว่า “ฉันจะเสนอตัวที่จะสัมผัสลูกค้าเพราะมันย่อมดีกว่าที่จะถูกลูกค้าเป็นฝ่ายสัมผัส”
การละเมิดต่อผู้ถือวีซ่าเหล่านี้ยังคงเกิดขึ้นแม้ว่าพวกเธอจะหนีออกจากคลับ และต่อมาเธอถูกจับ นางสาว Anna Navarro ได้รับข้อเสนอให้ทำงานอื่นจากลูกค้า และหลังจากต้องทนกับการเผชิญค่าธรรมเนียมบาร์ หญิงสาววัย 23 ปีรู้สึกหลุดเล็กน้อย ที่ทำงานปัจจุบันของเธอ หญิงสาวปฏิเสธที่จะทำตามธรรมเนียมบาร์ แต่เจ้าของขู่เธอว่าจะนำตัวไปฝังบนภูเขา ดังนั้นเธอจึงหนีจากงานบาร์ไปเป็นแรงงานทาสสมัยใหม่แทน อย่างไรก็ตามชายหนุ่มเจ้านายใหม่ของเธอแทนที่จะช่วยให้เธอรอดแต่กลับขังเธอไว้ในบ้านของเขาและทำร้ายร่างกายเธอ
หญิงสาวทั้งหมดนี้พยายามจะยื่นฟ้องดำเนินคดีต่ออดีตเจ้านายของเธอและนายหน้าที่ติดต่อให้พวกเธอเดินทางไปทำงานในเกาหลีใต้ อย่างไรก็ตามทนายคิมเผยว่าหญิงสาวเหล่านี้ไม่ได้รับความช่วยเหลือที่ต้องการเพราะกองบังคับการตรวจคนเข้าเมืองของเกาหลีมองพวกเธอเป็นเหมือนอาชญากรต่างชาติ มากกว่าจะมองว่าพวกเธอเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ที่ขายบริการทางเพศและแรงงานทาส
ทนายคิมยังกล่าวเปรียบเทียบกองบังคับการตรวจคนเข้าเมืองของเกาหลีและสหรัฐอเมริกา และชี้ให้เห็นว่าเจ้าหน้าที่ของเกาหลีไม่ได้ใช้ตัวชี้วัดของการค้ามนุษย์เลย ซึ่งแตกต่างจากอเมริกาที่จะใช้ตัวชี้วัดที่มองความเป็นไปได้ว่าบางทีพวกเธออาจเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ก็เป็นได้
ปัจจุบันมีประมาณ 93,700 คนที่ตกเป็นแรงงานทาส และเกาหลีอยู่ในอันดับ 49 จาก 167 ประเทศที่มีแรงงานทาสอย่างผิดกฎหมาย และทั้งที่เธอต้องเผชิญกับความเจ็บปวดทางกายและใจ แต่ Aquino เผยว่าเธอยังฝันจะเป็นนักร้องในเกาหลีใต้เช่นเดิม
Aquino กล่าวว่า “สิ่งที่ฉันอยากทำตอนนี้คือ ทำในสิ่งที่ฉันถูกบอกให้มาทำแต่แรกก่อนที่จะมาที่นี่ คือเป็นนักร้อง”
แปลจาก koreaboo โดย Youzab หากนำข่าวออกไปกรุณาให้เครดิตด้วย (ไม่อนุญาตให้ hotlink ไฟล์ภาพ)