สตีเว่น ยอนและภรรยางานเข้าถูกคู่กรณีแฉถึงพฤติกรรมหยาบคาย

ดาราหนุ่มเกาหลี-อเมริกันสตีเว่น ยอนและภรรยาของเขาตกเป็นประเด็นร้อนและถูกชาวเน็ตวิพากษ์วิจารณ์มากมายว่ามีพฤติกรรมที่หยาบคาย

คู่กรณีเล่าว่าถูกสุนัขที่ไม่ได้ใส่สายจูงพุ่งเข้าใส่ที่สวนสาธารณะ ซึ่งเป็นสถานที่ที่ควรใช้สายจูงสุนัขด้วย และต่อมาชายคนหนึ่งได้มาเก็บสุนัขของเขาและกล่าวขอโทษ ซึ่งชายหนุ่มคนนั้นคือสตีเว่น ยอนนักแสดงที่โด่งดังจากซีรี่ย์อเมริกันเรื่อง The Walking Dead

คู่กรณีเล่าว่า “เราพาหลุยส์และไคสุนัขของเราไปเดินที่สวนสาธารณะตามปกติ และมีสุนัขที่ไม่ใส่สายจูงพุ่งมาหาเรา เราร้องทันทีว่า ‘เก็บสุนัขของคุณ ใส่สายจูงสุนัขด้วย!’ จากนั้นชายคนหนึ่งจึงเดินมาและอุ้มสุนัขของเขาขึ้นและกล่าวขอโทษ”

เมื่อคู่กรณีบอกสตีเว่น ยอนว่านี่ไม่ใช่สวนสาธารณะสำหรับสุนัขที่ไม่ใส่สายจูงและสุนัขกู้ภัยที่นี่คยถูกสุนัขอื่นโจมตีมาก่อนซึ่งมันไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย ภรรยาของสตีเว่น ยอนได้ยินดังนั้นจึงขึ้นเสียงกลับใส่พวกเขา

ภรรยาสตีเว่น ยอนขึ้นเสียงว่า “เรามาที่นี่ตลอดดังนั้นไม่ต้องมาบอกเราว่าเราควรเลี้ยงสุนัขอย่างไร” คู่กรณีจึงกล่าวว่า “ไม่ใช่สุนัขทุกตัวที่ไม่เป็นไรที่จะไม่ใส่สายจูง โดยเฉพาะเมื่อมีสุนัขกู้ภัยหรือบางคนที่เคยถูกสุนัขกัดมาก่อน” แต่ภรรยาสตีเว่น ยอนกลับเถียงกลับว่า “ฉันไม่สนหรอก มันไม่ใช่เรื่องของฉัน”

ต่อมาสตีเว่น ยอนกล่าวว่า “ภรรยาของผมท้องอยู่ แค่ปล่อยมันไปเถอะ ถอยหน่อย” จากนั้นสามีภรรยาจึงใส่สายจูงสุนัขทั้งสองตัวของทั้งคู่เมื่อเห็นคู่กรณีเรียกเจ้าหน้าที่ดูแลสวนสาธารณะ คลิปวีดีโอแสดงให้เห็นว่าทั้งคู่ใส่สายจูงสุนัขของพวกเขาในขณะที่ชี้และหัวเราะกันถึงเรื่องนี้

คู่กรณียังเผยอีกว่าสถานการณ์นี้ทำให้เธอและสุนัขของเธอเครียดและวิตกกังวลมาก อีกทั้งยังตกใจกับพฤติกรรมที่หยาบคายของสตีเว่น ยอนและภรรยาเป็นอย่างมาก

ในเรื่องนี้ชาวเน็ตแสดงความเห็นว่า “คู่รักอเมริกันคู่นี้นิสัยแย่ทั้งคู่” กับ “พวกเขาเกิดมาเพื่อกันและกัน…ขยะ” กับ “ช่างน่าขายหน้าอะไรแบบนี้ คุณจะแค่มองเขาจากแค่ด้านดีเท่านั้นไม่ได้ อย่าไปไหนมาไหนแล้วบอกว่าคุณเป็นคนเกาหลีนะ ช่างน่าอับอายจริงๆ” เป็นต้น

แปลจาก Koreaboo โดย Youzab หากนำออกไปกรุณาให้เครดิตด้วย (ไม่อนุญาตให้ Hotlink ไฟล์ภาพ)

ตอนนี้แฟนๆสามารถติดตามเราได้อีกช่องทางสามารถตาม Follow เราได้เลยที่นี่ ==>> IG YOUZAB

Happy Unni ร้านค้าแฟชั่น

แรปเปอร์ B-Free เผยหากต้องขอโทษคู่กรณีในอดีตเขาเลือกขอโทษซานอีมากกว่า BTS

หากเขาต้องขอโทษแล้วล่ะก็แรปเปอร์ B-Free (บีฟรี) เลือกจะขอโทษต่อซานอี (San E) มากกว่า BTS

ย้อนไปในปี 2014 บีฟรีเริ่มประเด็นความขัดแย้งโดยแต่งเพลง My Team ซึ่งมีเนื้อเพลงที่ดิสซานอีโดยกล่าวว่าซานอีเป็นแรปเปอร์ปัญญาอ่อน ซึ่งหลายเดือนต่อมาซานอีได้ตอกกลับด้วยเพลง On Top of Your Head

ไม่เพียงเท่านี้บีฟรียังดิส BTS อีกด้วย เขาสนุกสนานในการล้อเลียนการแต่งหน้าขึ้นเวทีของ, ท่าเต้นและอื่นๆของวง BTS ซึ่งมีแฟนคลับมากมายออกมาปกป้อง BTS ทำให้ B-Free ถูกเกลียดชังมากมายที่ไปกล่าวถึง BTS แย่ๆแบบนั้น แต่เขาก็ไม่ได้นำพาอะไร และยังรีทวีตความเห็นเกลียดชังต่อ BTS และกล่าวว่าเขาจะตบเหล่าเด็กหนุ่มสั่งสอนหากเจอพวกเขา

ประเด็นความขัดแย้งที่เกี่ยวข้องกับ BTS และ ซานอี ถูกนำมาพูดถึงในตอนล่าสุดของรายการ Balance Game ซึ่งบีฟรีเข้าเป็นแขกรับเชิญในตอนที่ 6 และเล่นเกม ‘คุณอยากจะทำมากกว่า’

คำถามสุดท้ายถามว่า “หากคุณจำเป็นต้องขอโทษ คุณจะขอโทษใคร?” โดยมีตัวเลือกให้เลือกได้แก่ซานอีกับ BTS เมื่อหยุดคิดชั่วขณะบีฟรีได้เลือกขอโทษซานอี

ชมคลิปรายการของข่าวนี้ด้านล่างเลย

แปลจาก allkpop โดย Youzab หากนำออกไปกรุณาให้เครดิตด้วย (ไม่อนุญาตให้ Hotlink ไฟล์ภาพ)

ตอนนี้แฟนๆสามารถติดตามเราได้อีกช่องทางสามารถตาม Follow เราได้เลยที่นี่ ==>> IG YOUZAB

Happy Unni ร้านค้าแฟชั่น

คู่กรณีที่อ้างว่าเป็นเหยื่อซอจีซู Lovelyz เผยว่าจะรวบรวมหลักฐานส่งให้ตำรวจเช่นกัน!!

หลังจากมีประเด็นการแฉแบบลากใส้ครั้งมโหฬารของคู่กรณีซอจีซูวง Lovelyz ที่อ้างว่าเธอเคยตกเป็นเหยื่อของนักร้องสาวมาก่อน อย่างไรก็ตามต้นสังกัด Woolim Entertainment ได้ออกมาปฏิเสธข่าวลือนี้ และใช้วิธีการทางกฎหมายดำเนินคดีต่อผู้ปล่อยข่าวลือ

ต่อมาคู่กรณีได้เปิดเผยว่าพวกเธอจะรวบรวมหลักฐานการถูกล่วงละเมิดทางเพศในอดีตส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเช่นกัน แม้จะเป็นการต่อสู้ของคนธรรมดากับต้นสังกัดใหญ่ก็ตาม แต่พวกเธอจะสู้ให้ถึงที่สุด

โดยคู่กรณีที่อ้างว่าเป็นเหยื่อของซอจีซู Lovelyz ได้เขียนคำแถลงการณ์ดังนี้

———————————–

“ฉันเพียงพูดความจริง แต่เพียงเพราะมีคนหนึ่งที่เผยแพร่และพูดความเท็จทำให้เหยื่อทุกคนถูกมองว่าเป็นพวกโกหกเหมือนกันหมด ฉันรู้สึกเหมือนโลกจะถล่มลงมา นี่ราวกับว่าคำโกหกคำเดียวได้ปกปิดความจริงสิบอย่างเอาไว้

ขณะที่ฉันกำลังจะยอมแพ้ ฉันได้มองเห็นคำร้องและบางคนกล่าวว่าเป็นเพราะฉันเงียบหายไป ทำให้ทุกอย่างไม่เป็นความจริง ฉันไม่ใช่คนแรกแต่ฉันรับผิดชอบสำหรับข้อกล่าวหาครั้งนี้ ฉันรู้สึกว่าต้องรับผิดชอบโดยโพสต์สิ่งนี้ เพื่อหยุดกรณีเลวร้ายที่สุดที่จะเกิดขึ้นต่อบรรดาเหยื่อที่ถูกมองเป็นผู้กระทำผิด

บอกตามตรงว่าพวกเราหมดแรง ก่อนจะตกเป็นเหยื่อนั้นพวกเราเป็นผู้หญิงที่เป็นชนกลุ่มน้อยทางเพศ (เลสเบี้ยน) ฉันเป็นคนเปิดกว้างดังนั้นฉันจึงนำปัญหาต่างๆไประบาย แต่คำข่มขู่ เรียกร้องหาหลักฐาน ความกลัว… หลักฐานประเภทไหนกันที่ฉันต้องมีเพื่อให้พวกเขาเชื่อ ฉันมองเห็นเพียงจุดยืนของฉันหลังจากคิดถึงผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุด

ก่อนหน้านี้ฉันไม่ได้พูดถึงความยากลำบากของตัวเองเนื่องจากฉันต้องการเก็บมันเอาไว้ แต่ในภาวะจิตใจของฉันในตอนนี้ทำให้ฉันไม่สามารถเก็บมันไว้ได้อีกแล้ว ดังนั้นฉันจำเป็นต้องพึ่งยาในขณะที่อยู่ในความตื่นตระหนกในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ฉันกังวลเกี่ยวกับการมองตัวเองที่พยายามรวบรวมหลักฐานเพราะหวาดกลัวผู้คน

ฉันรู้สึกจริงๆว่ามันไม่มีพื้นที่สำหรับคนอ่อนแอ เนื่องจากสื่อต่างๆมองว่าเราเป็นพวกก่อกวน เรารู้สึกเหนื่อยที่สื่ออยู่ฝ่ายเดียวกับซอจีซู ตีพิมพ์ข่าวเกี่ยวกับความเท็จที่ไม่เคยเกิดขึ้น”

“ด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ฉันจึงต้องจำใจออกมาเพื่อให้บางคนที่ฉันรู้จักได้รับความช่วยเหลือ และจากนั้นฉันต้องเจ็บปวดอีกครั้งเพราะคำแถลงการณ์ของ Woolim Entertainment ที่เลือกปฏิบัติกับชนกลุ่มน้อยทางเพศและกล่าวว่า ‘อย่าแสร้งทำเป็นเหยื่อไปหน่อยเลย ที่คุณไม่ตรงไปตรงมาเพียงเพราะคุณเป็นชนกลุ่มน้อยทางเพศ หากคุณมั่นใจจริงๆก็ออกมาและปรึกษาเจ้าหน้าที่ตำรวจสิ’

พวกเราเพียงแค่หวาดกลัวทุกครั้งเมื่อเห็นรอยยิ้มของเธอในโทรทัศน์ สื่อควรจะอยู่ฝ่ายเดียวกับเหยื่อแทนที่จะอยู่ด้านเดียวกับซอจีซูไม่ใช่หรือคะ? เพียงเพราะว่าเราไม่ยอมให้คุณสัมภาษณ์ คุณก็กล่าวหาว่าเราสร้างข่าวลืองั้นหรือ? ฉันรู้สึกลังเลเกี่ยวกับการโพสต์หรือการเขียนสิ่งนี้ แต่ฉันไม่สามารถทนได้ที่เรื่องราวของเรากลายเป็นข่าวลือโดยไม่มีการวิเคราะห์ใดๆจากสื่อเลย

สื่อได้ฆ่าเราครั้งที่สองด้วยการรายงานข่าวที่ราวกับว่าเป็นความจริง เมื่อ Woolim เริ่มต้นในกรณี ‘เผยแพร่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น’ และไม่ว่ามันจะจริงหรือไม่ พวกเราอาจได้รับการรังแกในข้อหาหมิ่นประมาท ฉันจะยอมรับการลงโทษอย่างถูกต้องในสิ่งที่ทำลงไป แต่นี่ขึ้นอยู่กับประชาชนที่จะเป็นพยานว่า Woolim ได้นำไปเผยแพร่ความจริงอย่างไร

ฉันเป็นเพียงคนตัวเล็กๆที่ต่อสู้กับบริษัทใหญ่โตเพียงลำพัง ฉันไม่มีพลังที่จะต่อสู้ด้วยตัวเอง ฉันไม่ใช่เครื่องยนต์ที่ต้องการเพียงการตอบรับ ฉันอยากจะกล่าวขอบคุณและขอโทษต่อทุกคนที่ช่วยเรา องค์กรและสื่อบางแห่ง พนักงานเก่าของ Woolim รวมทั้งสมาชิกชุมชนเรา ฉันอยากขอโทษต่อพ่อแม่ของเราที่คงจะตกใจ ฉันคิดว่านี่มันอาจจะจบลงแล้ว ในฐานะบุคคลที่สามของเหตุการณ์นี้ ฉันจะนำหลักฐานที่เหลืออยู่ไปให้ตำรวจตามคำขอของพวกเขา”

—————————–

ส่วนซอจีซูนั้นขณะนี้เธอได้ออกจากการรักษาตัวในโรงพยาบาลแล้ว โดยวันที่ 20 พฤศจิกายน 2014 ต้นสังกัด Woolim Entertainment ได้เผยว่า “ขณะนี้ซอจีซูอยู่ที่บ้านกับครอบครัวของเธอเพื่อพักฟื้นร่างกาย” อย่างไรก็ตามต้นสังกัดไม่ได้พูดว่าเธอจะกลับมาโปรโมทพร้อมสมาชิก Lovelyz เมื่อไหร่

แล้วเหตุการณ์จะเป็นอย่างไร Youzab จะรายงานให้ทราบอีกทีค่ะ

แปลจาก Soompi โดย Youzab หากนำข่าวออกไปกรุณาให้เครดิตด้วย (ไม่อนุญาตให้ hotlink ไฟล์ภาพ)

คดีนิชคุณจบลงด้วยดี เสียค่าปรับ 4 ล้านวอน (ประมาณ 116,000 บาท)

เนื่องจากข้อหามีแอลกอฮอล์ในเลือดขณะขับขี่ นิชคุณ 2PM ตกลงจะจ่ายทั้งหมด 4 ล้านวอน (ประมาณ 116,000 บาท) เป็นค่าปรับ

คำตัดสินได้เปิดเผยในวันที่ 30 สิงหาคม 2012 โดยศาลจากกรุงโซลเผยว่า “นิชคุณได้ตกลงยอมความกับคู่กรณี โดยคู่กรณีไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสและระดับแอลกอฮอล์ในเลือดของนิชคุณอยู่ในระดับต่ำ ดังนั้นกรณีนี้ผู้พิพากษาได้สรุปว่าจะไม่มีการสืบสวนเพิ่มเติม”

นิชคุณได้ถูกตั้งข้อหามีแอลกอฮอล์ในเลือดขณะขับขี่จากระดับแอลกอฮอล์ในเลือด 0.056% เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2012 หลังจากเกิดอุบัติเล็กๆ ระหว่างทางกลับบ้านของเขา

แปลจาก allkpop โดย https://kpop.youzab.com หากต้องการนำข่าวออกไปกรุณาให้เครดิตทั้งหมดด้วย (ไม่อนุญาตให้ Hotlink ไฟล์รูปภาพ)

Like แฟนเพจของเราเพื่อติดตามข่าวสารอัพเดทก่อนใครได้ที่นี่เลยจ้า